โดยปกติตามข้อแนะนำของศูนย์บริการ ต้องทำการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ทุกๆ 80,000 Km. ตามวงรอบการบำรุงรักษา เพื่อคงประสิทธิในการใช้งานสูงสุดเอาไว้ เนื่องจากไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเสมือนหน่วยคัดกรองสิ่งสกปรก ไม่ให้สามารถเข้าไปในระบบปั้มน้ำมันเชื่อเพลิงได้ ส่วนรถใครที่เลยการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 Km. แล้ว ยังไม่เคยเปลี่ยนสักที แนะนำว่าถ้าไม่ติดขัดอะไร อยากให้เปลี่ยนสักครั้งนึง ถ้าจะมองในแง่ของความสิ้นเปลือง กรณีที่ของยังใช้ได้ไปเปลี่ยนมันทำไม จริงครับ มันเปลืองแต่ถ้าวันนึง ไส้กรองมันตัน วิ่งไม่ออก แต่ต้องใช้รถเพื่อทำเวลา แล้วจะบอกว่ารู้งี้เปลี่ยนตั้งนานแล้ว
ความเห็นส่วนตัว ผมแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ ระยะ 50,000 Km. ครับ
คำเตือน : ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยตนเอง ควรที่จะต้องทำการเช็คระบบก่อนว่าปั้มติ๊กในถัง ยังทำงานปกติดี สามารถทำการดันน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาได้ไหม ? ถ้าเช็คแล้วพบว่าปั้มติ๊กมีปัญหาอย่าฝืนทำงานต่อไป เพราะว่าเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ แต่สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้ก็เท่านั้น
วิธีการเช็คปั้มติ๊ก คลายสกรูไล่ลมเอาไว้ เพื่อที่จะทำการไล่ลมออกมาจากกรองน้ำมันเชื้อเพลิงวิธีการ คือ บิดสวิตช์กุญแจ ON 15 วินาที บิดกลับไปที่ OFF 15 วินาที เพื่อให้ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงทำงานทำสลับไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำมันดีเซลจะล้นออกมาทางสกรูไล่ลม แสดงว่าปั้มติ๊กทำงานได้ตามปกติดีจากนั้น ค่อยดำเนินการถอดไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาเปลี่ยนต่อไป
1. ทำการเตรียมเครื่องมือ และอะไหล่ดังรูปครับ จากรูปจะเห็นว่ามีประแจพิเศษอยู่อันนึงถ้าไม่มีอันนี้ แนะนำให้ใช้ประแจเลื่อน ก็พอแก้ขัดได้ครับ อย่าบีบแรง เดี๋ยวเสื้อกรองมันจะแตกเพราะว่ามันเป็นพลาสติก ราคาเสื้อกรอง 525 บาท บวก Vat P/N : 8-98048537-0 ที่เรารู้ก็เพราะว่าเคยซื้อมาแล้ว อะไหล่ตัวนี้ 555
2. จากรูป เป็นไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง (แท้ห้าง) ราคาประมาณ 600 บาทครับ ลองไปสอบถามกันดู ในกล่องจะมีวิธีการเปลี่ยนบอกเอาไว้บ้างแล้ว รุ่นรถที่ใช้จะเป็น Isuzu Commonrail ปี 2007-2011 ไม่รวมตัว All New Isuzu D-Max เพราะว่าเป็นรุ่นปี 2012 ขึ้นมา เป็นแบบเปลี่ยนเฉพาะไส้เหมือนกันแต่ว่าอะไหล่จะเป็นคนละตัวกัน
3. ในหนังสือคู่มือประจำรถ ก็มีวิธีการเปลี่ยนโดยละเอียด บอกเอาไว้แล้ว
4. ตำแหน่งของ ที่อยู่ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ใต้ท้องรถ เหนือบริเวณแก้วน้ำ ฝั่งด้านซ้ายของรถ
แต่ถ้าเป็น All New Isuzu D-Max รุ่นปี 2012 ขึ้นมา จะย้ายไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง มาอยู่ฝากระโปรง
หน้ารถแล้ว
5. รูปไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง แบบถอดเปลี่ยนเฉพาะไส้กรอง โปรดสังเกตในวงกลม นั้นคือ สวิตช์ไฟเตือนระดับน้ำในกรองดักน้ำ ในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาพบว่า หลายคันที่ไปลุยน้ำลึกมาระดับท่วมล้อรถยนต์จะเจอปัญหาว่า ไฟเตือนกรองดักน้ำติดค้างโชว์ขึ้นมาที่หน้าปัทม์ ทำให้เกิดความเป็นกังวลขึ้นมาในทันทีว่าต้องทำอย่างไร เนื่องจากนานๆ จะเห็นกันซักที กลัวมีปัญหากับเครื่องยนต์ จากที่ผมเคยประสบปัญหา พบว่าถ้าเครื่องยนต์ยังเดินเรียบปกติดี ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ก็ใช้ไปก่อน เนื่องจากถ้าน้ำสามารถท่วมปลั๊กนี้ได้ ความชื้นจะทำให้เซนเซอร์ตัวนี้ ส่งสัญญาณความผิดปกติไปที่กล่อง ไฟเตือนก็จะติดค้างโชว์ขึ้นมาให้เจ้าของรถทราบ
วิธีการแก้ไข คือ ต้องทำให้จุดรอยต่อปลั๊ก เซนเซอร์สวิตช์ไฟเตือนระดับน้ำในกรองดักน้ำ ตรงนี้แห้งสนิทเหมือนเดิม ทำได้โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ น้ำยา Contact Cleaner ทำการฉีดล้างทำความสะอาด แล้วประกอบกลับคืนที่เดิม เป็นอันเรียบร้อย
ถ้าทำแล้วยังไม่หาย เป็นไปได้ว่าเซนเซอร์อีกตัวนึงที่ใกล้กันมันอาจจะเปียก ต้องถอดปลั๊กออกมาทำความสะอาด จากนั้นประกอบกลับคืนที่เดิม น่าจะหายเป็นปกติ เป็นเซนเซอร์แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง
6. ทำการหมุนปลั๊กถ่ายน้ำ และหมุนคลายสกรูไล่ลมออกมา เพื่อที่เราจะทำการถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาจาก
กรองดักน้ำ จากรูป ซ้ายมือคือ ปลั๊กถ่ายน้ำ , ขวามือคือ สกรูไล่ลม
7. จากนั้นทำการปลด สวิตช์ไฟเตือนระดับน้ำในกรองดักน้ำออก , ปลดท่อยางถ่ายน้ำด้านล่างออก , ใช้ประแจพิเศษทำการหมุนซ้าย ทวนเข็มนาฬิกา ถอดเอาไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงออกมามาก
ควรใช้ความระวังให้มาก เพราะว่าท่อพลาสติกที่ท่อยางสวมอยู่มันช่างเปราะบาง ถ้าฝืนออกแรงมากอาจจะหักได้ ราคาเสื้อกรอง 525 บาท บวก Vat P/N : 8-98048537-0 ที่เรารู้ก็เพราะว่าเคยซื้อมาแล้วอะไหล่ตัวนี้ 555
8. สังเกตว่าเมื่อหมุนเอาไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาแล้ว เห็นว่ามียางโอริงติดอยู่ ให้ทำการดึงออกมา
เดี๋ยวเราจะทำการเปลี่ยนตัวใหม่เข้าไปแทนที่
9. เมื่อถอดไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาแล้ว จะเห็นว่ามีร่องสลักที่ทำการยึดไส้กรองน้ำมันอยู่ ค่อยๆ ทำการ
ปลดออกมา แล้วจะเห็นว่าด้านล่างมีเซนเซอร์กรองดักน้ำอยู่ที่ด้านล่าง
10. หลัการทำงานของกรองดักน้ำ ก็คือ เมื่อมีน้ำเข้ามาในระบบ น้ำจะอยู่ด้านล่างเนื่องจากมวลน้ำ หนักกว่าน้ำมันใช้หลักการแยกความแตกต่างของมวลน้ำ และน้ำมัน เมื่อน้ำมีมากพอจนดันลูกลอยกรองดักน้ำให้ลอยจนเซนเซอร์ตรวจจับได้ จะทำการขึ้นไฟโชว์ติดค้างที่หน้าปัทม์ให้เราทำการคลายปลั๊กถ่ายน้ำ เพื่อที่จะทำการปล่อยน้ำออกมาจากรองดักน้ำ
11. ทำการเปลี่ยนยางโอริงเส้นใหม่เข้าไปแทนที่ของเก่า จากนั้นเอาใส่กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอันใหม่เข้าไปแทน
ของเดิมที่ทำการเปลี่ยนออกมา ส่วนยางโอริงด้านบนใช้น้ำเครื่องทาบางๆ ตอนที่ทำการสวมอัดเข้าไปจะได้ไหล
ลื่นได้สะดวก ไม่ฝืนจนเกินไป ไม่เจ็บมากด้วย จากรูป มีเอานิ้วแหย่นำซะด้วย ไม่ธรรมดานะเนี้ย
12. จากรูป เป็นไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอันเก่าที่ได้ทำการถอดออกมา พร้อมชุดยางโอริงของเดิม จะบอกว่าเปลี่ยนกับไม่เปลี่ยนดูออกยากครับ เนื่องจากมันอยู่ภายใน แต่ถ้าดูจากภายนอกว่า มีร่องรอยการเปลี่ยนออกขัดๆ ถูๆ เช็ดๆ น่าจะพอคาดเดาได้ว่า มีการถอดรื้อชุดนี้ออกมา
13. ทำการประกอบกรองน้ำมันเชื้อเพลิงกลับคืนที่เดิม โดยต่อสายเซนเซอร์ หมุนปลั๊กถ่ายน้ำคืนที่เดิมจากนั้นทำการคลายสกรูไล่ลมเอาไว้ เพื่อที่จะทำการไล่ลมออกมาจากกรองน้ำมันเชื้อเพลิง วิธีการ คือ บิดสวิตช์กุญแจ ON 15 วินาที บิดกลับไปที่ OFF 15 วินาที เพื่อให้ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงทำงาน ทำสลับไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำมันดีเซลจะล้นออกมาทางสกรูไล่ลม เป็นการยืนยันว่า ไม่มีลมอยู่ในกรองน้ำมัน เชื้อเพลิงแล้ว จากนั้นทำการหมุนสกรูไล่ลมคืนกลับที่เดิม แล้วทำการตรวจเช็คการรั่วซึมอีกครั้ง
ในกรณีที่การไล่ลมยังไม่สมบูรณ์ อาจจะทำให้สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้ หรือถ้าแม้สตาร์ทได้แต่จะเดินเบาเครื่องยนต์ไม่ได้นาน ต้องทำการไล่ลมออกจากระบบอีกครั้ง เมื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้แล้วให้ทำการเดินเบาเครื่องยนต์เอาไว้ประมาณ 10 นาที ทำการตรวจเช็คทุกอย่างอีกครั้ง เป็นอันเรียบร้อย
เครดิต : Yai6000@pantip.com
